• +662 441 5000
  • This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  22 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตก พร้อมระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หลังเขื่อนจิ่งหงของประเทศจีนปรับเพิ่มการระบายน้ำและมีฝนตกท้ายเขื่อน

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (22 เม.ย.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัว , ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเกิดฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้เกิดฝนฟ้าคะนอง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ชลบุรี 97 มิลลิเมตร , นครราชสีมา 81 มิลลิเมตร และอุตรดิตถ์ 68 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 23,800 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 41 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนจิ่งหงของประเทศจีนเพิ่มขึ้นสะสมต่อเนื่องจากวันที่ 18 –21 เมษายนประมาณ 2 เมตร หรืออัตราการระบายน้ำสะสม 1,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องมาจากการระบายน้ำเพิ่มขึ้นและมีฝนตกบริเวณท้ายเขื่อน เบื้องต้นได้ประเมินระดับน้ำในแม่น้ำโขงจากสถานการณ์ดังกล่าวคาดการณ์ว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงวันที่ 22 – 29 เมษายน โดยช่วงเหนือเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว บริเวณสถานีเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องรวมระดับน้ำเพิ่มขึ้นสะสมในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 1.90 - 2 เมตร และช่วงท้ายเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว ตั้งแต่สถานีเชียงคาน จังหวัดเลย ลงมาถึงสถานีโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 50 เซนติเมตร ซึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนไซยะบุรี


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  21 เมษายน 2565

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เฝ้าระวังอุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอาจเกิดปะการังฟอกขาวบริเวณเกาะทะลุ แต่ต้องเฝ้าระวังช่วงเดือนพฤษภาคมที่มีโอกาสเกิดปะการังฟอกขาวได้

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก ได้สำรวจและเก็บข้อมูลอุณหภูมิน้ำทะเลระยะยาวด้วย เครื่องบันทึกอุณหภูมิ (Temperature Data Logger) เพื่อเฝ้าระวังการเกิดปะการังฟอกขาวบริเวณแนวปะการังเกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผลคุณภาพน้ำทะเลเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 2 เพื่อการอนุรักษ์แหล่งปะการัง ข้อมูลอุณหภูมิน้ำทะเลบริเวณเกาะทะลุ ช่วงวันที่ 29 มีนาคม - 19 เมษายน พบอุณหภูมิน้ำทะเลอยู่ที่ 28.75 – 31.67 องศาเซลเซียส จากข้อมูลพบอุณหภูมิน้ำทะเลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม แต่จากการสำรวจแนวปะการังเบื้องต้นยังไม่พบการฟอกขาว ซึ่งสอดคล้องกับองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA (โนอา) ประเมินแนวโน้มการเกิดปะการังฟอกขาวที่ได้คาดการณ์เดือนมีนาคม-เมษายนปะการังจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิน้ำทะเล แต่ NOAA (โนอา) ได้คาดการณ์อาจเกิดปะการังฟอกขาวบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  20 เมษายน 2565

ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือคุณภาพอากาศดีมาก ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑค่าฝุ่นสูงขึ้นระดับสีส้ม 14 พื้นที่ สูงสุดบริเวณริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (20 เม.ย.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพดีมาก โดยต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 21 - 24 เมษายน หากจุดความร้อน (Hotspot) มีจำนวนมากขึ้นอาจส่งผลให้ฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นระดับสีส้ม 14 พื้นที่ เช่น ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม , ริมถนนดินแดง เขตดินแดง , ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน , ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา , ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 22 - 27 เมษายน

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  19 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังการเกิดผลตกจากผลกระทบของพายุฤดูร้อนจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคใต้จะเกิดฝนตกหนัก

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (19 เม.ย.65) ว่า ภาคเหนือฝนตกหนักในบางแห่ง , ตะวันตกของภาคกลางและภาคใต้ตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ฝั่งตะวันออก ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.เลย 151 มิลลิเมตร , ตาก 123 มิลลิเมตร และพะเยา 121 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั่วประเทศทุกขนาด 24,309 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 42 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  18 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังการเกิดพายุฤดูร้อนจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (17 เม.ย.65) ว่า ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดทำให้วันนี้ (18 เม.ย.65) บริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง โดยฝนตกหนักและอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้แล้ว ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.ระยอง 113 มิลลิเมตร , บึงกาฬ 80 มิลลิเมตร และยะลา 79 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั่วประเทศทุกขนาด 24,445 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 42 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  17 เมษายน 2565

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) คาดการณ์ภาคใต้ฝนลดลง พร้อมเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (17 เม.ย.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนหลายพื้นที่และอากาศร้อนจัดบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนน้อย ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช 85 มิลลิเมตร , ปัตตานี 60 มิลลิเมตร และสงขลา 57 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 24,771 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 43 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์   16 เมษายน 2565

รัฐบาล เดินหน้าโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ 43 โครงการ ช่วยเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำได้กว่า 600 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยช่วยลดความเสียหายจากภัยแล้งและน้ำท่วมลงได้มากจากแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า รัฐบาล ได้เร่งรัดขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญรวม 43 โครงการ เพื่อเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำได้อีก 646 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 1.56 ล้านไร่ ประชาชนมีน้ำใช้ในกิจกรรมต่างๆกว่า 262,000 ครัวเรือน และบำบัดน้ำเสียได้ 1.36 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ชัยภูมิ // โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน // โครงการประตูระบายน้ำพุง-น้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร // โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง // โครงการขยายเขต กปภ.บ้านฉาง รองรับ EEC // โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แผนหลักการพัฒนาฟื้นฟูคลองแสนแสบ โดยทำควบคู่กับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับการมีส่วนร่วม สร้างความเข้มแข็งขององค์กรด้านน้ำตั้งแต่ระดับพื้นที่ผ่านองค์กรผู้ใช้น้ำ อนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำจนถึงระดับนโยบาย คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พร้อมทั้ง ยังได้พัฒนากลไกการกำกับดูแลและจัดการน้ำทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ และพัฒนาเครื่องมือการบริหารจัดการน้ำ คือ ผังน้ำ คลังข้อมูลน้ำในรูปแบบ One Map ผ่านเว็บไซต์ และ application National Thai Water

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า การดำเนินงานดังกล่าวทำให้สถิติความเสียหายจากอุทกภัยลดลงอย่างชัดเจน อย่างปี 2562 ที่เกิดภัยแล้งรุนแรงมาก แต่การบริหารจัดการน้ำในเชิงป้องกัน วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง และหาแหล่งน้ำสำรอง ส่งผลให้มีหมู่บ้านประกาศภัยแล้งปี 2562 เพียง 30 จังหวัด 891 ตำบล ใน 7,662 หมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการบริหารจัดการน้ำในหลายปีที่ผ่านมา โดยปี 2564/65 ยังไม่มีการประกาศภัยแล้ง ส่วนปัญหาอุทกภัยได้แจ้งเตือนล่วงหน้าและบริหารจัดการน้ำร่วมกันทำให้ความเสียหายน้อยลง แล้วยังป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์  15 เมษายน 2565

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกและโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด ปรับปรุงการกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยควันดำให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์และเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2565 เป็นมา

กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานค่าควันดำและวิธีการตรวจวัดที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด โดยมีสาระสำคัญ กรณีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิม ร้อยละ 45 และหากตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรอง ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิม ร้อยละ 50 ซึ่งเกณฑ์การตรวจควันดำใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับการตรวจวัดควันดำรถที่มาดำเนินการตรวจสภาพรถก่อนจดทะเบียน หรือตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีประจำปีที่สำนักงานขนส่งและสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทุกแห่งแล้ว ดังนั้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากตรวจวัดควันดำด้วยระบบวัดความทึบแสง แล้วมีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 หรือตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง แล้วมีค่าควันดำ เกินร้อยละ 40 จะถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุด 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนดและนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำดังกล่าวนอกจากมีผลบังคับใช้กับสำนักงานขนส่งและสถานตรวจสภาพรถแล้ว ยังนำไปใช้กับการตรวจควันดำบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการมาอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง จัดผู้ตรวจการออกตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสาร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและเพิ่มความถี่ในการปฏิบัติงานออกตรวจวัดควันดำทั่วประเทศ โดยเฉพาะบนถนนสายหลักและสายรองที่เข้า-ออกกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่งและเจ้าของรถ ควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะ


© 2024 Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University . All Rights Reserved.